คืนวันที่ 16 กุมภาพันธ์ เป็นอีกคืนที่แสนจะเหนื่อยล้ากับการทำงาน สมองที่เหมือนเครื่องจักรทำงานมาตั้งแต่เช้าจะว่าไปแล้วอาจทำงานมาตั้งแต่กลางคืนของวันที่ 15 แล้วเพราะช่วงนี้ช่างฝันเป็นเรื่องเป็นราวจริงๆ ตื่นขึ้นมาก็เหมือนนอนไม่เต็มอิ่มมา 2 คืนติด แล้วคืนที่ 16 มันก็ต้องรีบนอนเร็วสักหน่อยเผื่ออาการที่เมื่อยล้าจะได้ดีขึ้น รีบอาบน้ำนอนดีกว่า อาบน้ำเสร็จสบายตัวขึ้นเล็กน้อย แต่การนอนเร็วจะทำให้เรารู้สึกผิดทางใจก็ขอเอาเปเปอร์มาอ่านก่อนนอนเผื่อจะหลับสบายขึ้น (มั้ย) เผลอแป๊บเดียวปาเข้าไปจะ 5 ทุ่มแล้ว ว่าแล้วก็วางเปเปอร์กองข้างเตียงแล้วนอนมันซะเลย ฮึฮึ ต่อจากนั้นเรื่องราวต่างๆ ก็ได้เกิดขึ้น
แพทอยู่ในสถานที่ที่มันแปลกตาดูเหมือนเป็นหลายๆที่ที่เคยไปแต่มารวมตัวกันในที่เดียว มีตึกชั้นเดียวเรียงตัวเป็นแถวยาวอยู่ตรงหน้า หน้าตาตึกนั้นราวกับโรงเรียนในสมัยที่เรายังเรียนในวัยประถม แต่ตึกนั้นกลับเป็นที่อยู่รึบ้านเช่าของคนงานของบ้านไม่สิมันคฤหาสถ์ชัดๆ ที่อยู่ตรงฝั่งที่แพทยืนอยู่ คฤหาสถ์หลังที่แพทยืนอยู่นี้เป็นหนึ่งในกลุ่มบ้านที่แยกตัวออกมาจากกลุ่มคฤหาสถ์ในอีกหลายๆหลัง ซึ่งนับว่าหลังนี้เป็นหลังที่เล็กที่สุด "โอ๊วแม่เจ้า!! ถ้าเราเข้าไปเดินในนั้นเราอาจจะหลงได้เลยนะเนี่ย" เป็นประโยคที่แพทพึมพำกับตัวเองประโยคแรกตั้งแต่ไปยืนอยู่ที่ตรงนั่น ด้านหน้ามีรถ 2 คันจอดอยู่ จะว่าไปรถ 2 คนที่จอดอยู่นั้น ราคารวมๆกันน่าจะไม่ต่ำกว่า 7 ล้าน พอยืนอยู่สักพักก็มีเพื่อนของแพทเองอีก 2 คนเดินออกมาแล้วชวนแพทเข้ายังสถานที่แห่งนี้เพื่อไปพบกับเจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นเพื่อนของเพื่อนแพทอีกที แต่จะว่าไปแล้วอยู่ๆเพื่อนเราชวนมาหาเพื่อนเค้าทำไมกันนะ "สวัสดีค่ะ" "สวัสดีครับ" ชายคนที่เป็นเจ้าของบ้านตอบกลับ แพทมาหลังจากที่แพททักทายเค้า แต่สายตาของเค้านั้นกลับจ้องมองแพทอย่างประหลาดๆ "นี่เค้ามองเราไรนักหนาหว่า - . -* " แล้วแพทก็เริ่มจ้องมองเค้ากลับ คนๆนี้เป็นใครกันนะเราก็รู้ข้อมูลแค่ว่าเป็นเพื่อนของเพื่อนเราเท่านั้น
ผู้ชายคนนี้รูปร่างสูงใหญ่ไม่ได้อ้วนแล้วก็ไม่ได้ผอมจนเกินไป ซึ่งก็พอดิบพอดีกับเสื้อเชิ้ตสีฟ้าที่เค้าสวมใส่ กางเกงสีเทาพอดีตัว ทรงผมที่จัดและเซ็ทมาเป็นอย่างดี รองเท้าหนังสีดำที่ออกจะดูมีสไตล์ นาฬิกาที่ดูเข้ากันกับชุดที่เค้าใส่มาวันนี้ แล้วหน้าตาล่ะ ก็ไม่ใช่คนหน้าตาดีอะไร ติดออกจะธรรมดาๆคนนึง อายุประมาณ 33-35 ปี ถ้านึกภาพผู้ชายคนนี้ไม่ออกให้ลองนึกถึงพระเอกเรื่องทงอี จีจินฮี ทั้งรูปร่างการแต่งกาย แต่ไม่ได้แต่งตัวย้อนยุคอย่างนั้นน้า ดูตามภาพนี้กันเลยคาดว่าหลายๆคนคงรู้สึกว่าเค้าออกจะหน้าตาดี เอาเป็นว่าเป็นผู้ชายสไตล์นี้ มีรูปร่างความสูงประมาณนี้ หน้าตาไม่หล่อขนาดนี้ละกันน้า
![]() |
Cr: http://www.popcornfor2.com |
"แพท เดี๋ยวผมพาไปเดินเล่นรอบๆบ้าน" ตอนนี้แหละแพทเริ่มมองคนรอบตัวแพทที่มาด้วยกันกะจะชวนๆกันไปเยอะๆ แต่ปรากฎว่ามันเดินหายไปกับเพื่อนของผู้ชายคนนี้กันหมดตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ (ก็คงตอนที่เรามายืนพิจารณาผู้ชายคนนี้อยู่อะดิ๊) อารมณ์ไหนของเค้าจะพาไปเดินเล่น "ค่ะไปค่ะไป" ก็จะให้ยืนอยู่อย่างนี้ก็เบื่อแย่ละเนอะ
การไปเดินเล่นที่เค้าบอกว่ารอบบ้านนี่ มันไม่ใช่เล่นๆเลย เพราะพอเดินออกจากหน้าบ้านตรงไปยังถนนๆเล็กรอบๆบ้านก็เดินเชื่อมเข้ามาถนนเส้นใหญ่เส้นนึงที่ด้านข้างถนนเส้นนี้เป็นวิวทิวทัศน์ของภูเขาสีเขียวทั้งลูกที่มองไม่เห็นยอด เพราะเวลาที่แพทมองออกไปนั้นเหมือนจะยังคงเป็นยามเช้าที่ยังมีเมฆและหมอกปกคลุม ลมเย็นๆที่พัดเบาๆ แต่ทำให้หญ้าพริ้วไหวไปตามลมนั้น อากาศช่างแตกต่างจากที่ๆแพทยืนอยู่ตอนแรก เพราะที่นี่เย็นสบาย เหมือนมีละอองน้ำวิ่งผ่านตัวจนทำให้รู้สึกเย็นจนตัวเริ่มเปียก แต่มันเป็นอย่างนั้นไม่ได้นานเพราะมีคนที่เราเดินอยู่ด้วยข้างๆเอาสูทมาคลุมตัวให้ (เอามาจากไหนนะตอนแรกไม่ได้ใส่) นี่มันฉากหนังรักชัดๆ
ระหว่างที่เราเดินไปด้วยกันสองคน บทสนทนาที่เราคุยกันมันทำไมช่างทำให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจมากกว่าสูทที่เค้าสวมให้เราซะอีกน้า คุยกันเพียงไม่นานแต่ราวกับเรารู้จักกันมาแรมปี ในขณะที่อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ ตามระยะทางที่เราเดินห่างออกไปจากตัวบ้าน อยู่ๆก็มีมือมาคว้ามือแพทที่กวัดแกว่งไปตามประสาผู้หญิงเดินเร็วคนนึง ซึ่งก็ทำให้จังหวะการเดินของแพทเริ่มมีทิศทางและเราก็เดินไปพร้อมกันอย่างช้าๆ ในระหว่างที่เราเดินไปเรื่อยๆประโยคนึงที่เค้าได้พูดขึ้นมาทำให้การเดินของแพทได้หยุดลง "เรามายืนและเดินข้างๆกันอย่างนี้ตลอดไปได้มั้ย" "สายตาแพทในขณะนั้นไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเค้าเพราะมัวแต่ไปมองรองเท้าที่เปียกจากการที่เราเพิ่งเดินผ่านสนามหญ้ามา "นี่เราเพิ่งรู้จักกันเองนะคะ" (ชื่อยังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำคล้ายๆกะหนังเรื่องนึงที่เคยดู) และเป็นเพียงฟระโยคเดียวที่แพทตอบออกไป เพราะหลังจากนั้นเค้าก็พาแพทกลับไปที่คฤหาสถ์หลังที่เราเดินจากมาด้วยท่าทางที่ดีอกดีใจเป็นอารมณ์ที่ดูแตกต่างออกไปจากตอนที่เราเดินออกมา
เมื่อมาถึงคฤหาสถ์ ผู้ชายคนนี้ได้พาให้แพทมารู้จักกับครอบครัวของเค้าซึ่งทุกคนก็ดูมีชีวิตของตัวเองกันหมด และยังวุ่นวายกับธุรกิจของตัวเองกันอยู่ ซึ่งก็ไม่ได้สนใจการมาของแพทเท่าใดนัก พอหลังจากนั้นเค้าเองก็เช่นกัน เลขาของเค้าก็ได้เข้ามาและบอกในสิ่งที่เค้าต้องทำเป็นการเร่งด่วน ชั่วโมงนั้นเองคงจะมีแต่แพทสินะที่ว่างงาน แพทก็เลยเริ่มสำรวจบ้านด้วยตัวเอง พอเดินพ้นบ้านที่ได้ดัดแปลงเป็นสถานที่ทำงานออกมายังกลุ่มคฤหาสถ์หลังข้างๆ ไม่ทันไรแพทก็เดินหลงทาง เป็นอย่างที่พูดเอาไว้ไม่มีผิด เดินออกจากห้องโน้นมาห้องนี้ และห้องสุดท้ายที่เจอก็เลยพอจะเดาออกว่าสถานที่แห่งนี้คล้ายๆโรงละครที่มีผู้คนมากมายกำลังซ้อมการแสดงของตัวเอง "อ้อคงเป็นคนพวกนี้สินะที่อาศัยตรงตึกแถวข้างหน้าคฤหาสถ์" ระหว่างที่เพลิดเพลินกับดนตรีที่พวกคนเหล่านี้กำลังแสดง ผู้ชายคนนั้นก็กลับมาพร้อมกับเลขาของเค้า "แพทผมมีที่ที่ต้องพาแพทไปอีกที่นึง"แล้วมันเป็นที่ไหนกันนะ แล้วเค้าก็พาแพทไปที่รถคันที่จอดอยู่ในตอนแรก อ้อมันเป็นของเค้าเหรอเนี่ย แทนที่เราจะเดินออกไป แต่ตอนนี้เรานั่งรถออกมาแทน
สถานที่ที่เรามาออกมาไม่ไกลจากที่อยู่เท่าใดนัก เป็นอาคารตบแต่งด้วยกระจกบานใหญ่ที่สามารถมองจากภายนอกแล้วเห็นทุกอย่างภายในตึกนั้นได้ทั้งหมด หน้าตึกมีหุ่นโชว์ชุดอยู่ แล้วทันใดนั้นเค้าก็เดินมาเปิดประตูรถพาแพทไปในตึกแห่งนี้ พอเข้ามาพนักงานก็ได้ตอนรับเป็นอย่างดี ยังไม่ทันที่แพทจะตั้งตัวเค้าก็พาแพทไปลองชุดที่อยู่ในหุ่นที่โชว์หน้าร้าน และเค้าก็เปลี่ยนเป็นชุดสูทที่ตัดอย่างปราณีตสีดำ (เค้าเป็นคนที่มีรูปร่างใส่อะไรก็ดูดีจริงๆโดยเฉพาะสูททักซิโด้ตัวนี้) แล้วชุดที่แพทใส่อยู่นี่ล่ะ ชุดสีงาช้างตัดเย็บด้วยผ้าซาตินเป็นเดรสสั้นกระโปรงพองๆ รองเท้าสีเข้ากันกับชุด มีเวลท์ยาวลากพื้น แต่งตัวเสร็จก็ออกจากร้านทันที
ไม่ทันจะรู้ตัวแพทและเค้าก็มาที่สถานที่แห่งนึง ที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ทุกคนดูยิ้มแย้มแจ่มใส ซึ่่งก็คงเป็นเพราะสถานที่แห่งนี้บรรยากาศช่างดีเหลือเกิน เพราะอยู่ติดกับริมทะเลทำให้มีลมพัดมาอยู่ตลอดเวลา ผ้าที่ใช้ตบแต่งสถานที่แห่งนี้ก็ดูไหวไปตามสายลมนั้นแต่แล้วสิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น "กริ๊งๆๆๆๆๆ" เสียงนาฬิกาปลุกของเพื่อนดังขึ้น ยังไม่ทันจะได้กล่าวลาเค้าเลย ฮือๆๆ
แว้บแรกที่รู้สึกได้เมื่อตอนตื่นนอน การที่ได้มาเจอกับผู้ชายคนนี้จนถึงตอนนี้ยังไม่มีช่วงไหนเลยที่ทำให้รู้สึกลำบากใจแต่กลับทำให้มีความสุขอย่างบอกไม่ถูกตลอดเวลาที่ได้เจอและได้ทำในหลายๆสิ่งด้วยกัน "ฉันอยากกลับไปฝันต่ออีก" โค..ตรมีความสุขเลย ไม่ได้ละต้องนอนต่อ แล้วแพทก็หลับไปอีกครั้ง ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น
แพทกลับมาในที่แห่งนึ่งที่คล้ายเป็นที่เริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดชุดที่แพทสวใใส่ยังคงเป็นชุดเดิม คนที่อยู่ข้างๆเราก็ยังเป็นคนเดิม เวลานั้นดีใจสุดขีด แต่สถานที่นั้นไม่ได้เป็นที่ที่เดียวกับตอนที่เราจากกัน แว้บนึงแพทก็เห็นผู้ชายชุดเขียวท่าท่าเร่งรีบวิ่งออกจากห้องห้องตึกแถวในมือถือโทรศัพท์มือถือ ในสัญชาติญานขณะนั้นรู้ได้ในทันทีว่าเป็นขโมย แพทรีบตะโกนและออกวิ่งตามในทันที "ขโมยๆๆๆ" ผู้ชายในชุดทักซิโด้ รีบวิ่งตามแพทออกไปด้วยความเป็นห่วงว่าจะเกิดอันตราย "แพทระวังนะครับเดี๋ยวให้เพื่อนผู้ชายคนอื่นช่วยจับนะ" สักพักก็มีผู้ชายกลุ่มใหญ่ออกวิ่งจับขโมยคนนั้น แล้วก็จับได้ในที่สุด แต่ไม่ทันจะจบเหตุการณ์นี้ไปก็มีขโมยอีกคนแต่ครั้งนี้มันค้นของที่ห้องแพทแทนแล้วก็ได้โทรศัพท์ไป ระหว่างที่กำลังคร่ำเคร่งกับการหาโทรศัพท์ แพทรู้สึกว่ามันเครียดมากไปแล้วนะไม่เหมือนครั้งแรกที่เราฝันตื่นดีกว่ามั้ย สักพักแพทก็ตื่นขึ้มาจากฝันอีกครั้งเพราะด้วยความที่กลัวโทรศัพท์ตัวเองจะหายเหมือนในฝัน และปรากฏว่านี่มันจะ 9 โมงแล้ว เฮ่ยๆๆ แถมยังปวดหัวอีกเหมือนเดิมเพราะมัวแต่ฝันอยู่นั่นแหละแพทเอ๋ย จบตอนความฝันของคืนที่16 กพ. หลังวาเลนไทน์ 2 วัน
สรุป...ความฝันจริงๆทุกเรื่องราวมีที่มาและที่ไป
ก่อนนอนก็บ่นๆกะเพื่อนๆที่อยู่ร่วมห้องกันว่า เออหน้าจอเฟสบุคเราอะหลังๆนี่มีแต่รูป pre-wedding ไม่ก็เริ่มเอารูปลูกสาวบ้างชายบ้างมาโชว์ให้เห็นเต็ม timeline แล้วฉันล่ะ โสดจนไม่มีที่จะอยู่แล้วเลยต้องไปอาศัยกันบนคานใช่เปล่า ด้วยวัยแห่งการเริ่มต้นเลข 3 นิดๆ เพื่อนที่เรียนตอนปริญญาตรีกำลังจะแต่งงานอีกคู่แม้ว่าจะเป็นคู่ที่ 2 (ปลอบใจตัวเองว่าฉันยังเป็นคนส่วนใหญ่) แต่ไม่ต้องพูดถึงเพื่อนที่เรียนด้วยกันสมัยมัธยม ประถมก็เห็นๆกันอยู่ ลูกน่ารักกันทั้งนั้น แล้วผู้ชายในแบบไหนที่จะเข้ามาหาเราล่ะ แม้ว่าผู้ชายคนที่เราฝันถึงจะไม่ใช่สเป๊คนะ แต่ดูเหมือนว่าจะมีจริงอยู่บนโลกมนุษย์นี้ซึ่งก็ดูจะใกล้เคียงความเป็นจริงอยู่บ้างที่เป็นผู้ชายธรรมดาๆ จะไม่ธรรมดาก็คงจะตรงที่รวยนี่แหละ ส่วนจีจินฮีนี่ ไม่รู้ว่าไปนึกถึงตอนไหนถึงได้สร้างบล๊อคผู้ชายคนนี้มาได้ ก็นะยังไงมันก็คงเป็นความฝันอยู่ดี แต่ก็เป็นความฝันที่ทำให้เรามีความสุขได้ล่ะน้า แล้วก็กลับมาสู่โลกความเป็นจริงที่ต้องปวดหัวเพราะเรื่องงานที่ทำอีกครั้ง "นี่สิชีวิตจริงบนโลกมนุษย์"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น